วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ข่าวเกี่ยวกับความเสียหาย ทางอินเตอร์เน็ต

ข่าวเกี่ยวกับความเสียหาย ทางอินเตอร์เน็ต

ปัจจุบันเทคโนโลยีที่ทำให้โลกไร้พรมแดน โดยเฉพาะการใช้อินเทอร์เน็ตที่นำความสะดวกสบาย และประโยชน์มากมายมาสู่มนุษย์ ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่ทั้งบุคคลทั่วไปและในองค์กรต่างยอมรับว่า ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อองค์กรและในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความรวดเร็วในการก้าวทันโลกยุคข่าวสาร หรือการพบปะพูดคุยผ่านระบบออนไลน์ผ่านแป้นพิมพ์ ไม่ว่าจะคุยข้ามจังหวัด ข้ามประเทศ ไปจนถึงข้ามทวีป เรียกว่ามีสารพัดช่องทางที่จะสามารถสื่อสารถึงกันทางอินเทอร์เน็ต
แต่ขณะเดียวกันเหมือนเป็นดาบสองคม ภัยร้ายที่เกิดจากอินเทอร์เน็ตก็เกิดขึ้นพร้อม ๆ กันกับวิทยาการอันก้าวล้ำนำยุคในสังคมปัจจุบัน?
ดังเช่น 2 คดีใหญ่ ที่ตำรวจนครบาลสามารถแกะรอยติดตามจับกุมคนร้ายที่แฝงตัวอยู่ในสังคมออนไลน์แล้วก่อเหตุเล่นงานบรรดาสุจริตชน!!
คดีแรกเป็นข้อมูล ที่ทีมข่าวอาชญากรรมเดลินิวส์ ไปเห็นเบาะแสข้อมูลในเว็บไซต์พันทิป (www.pantip.com) มีกระทู้ “เตือนภัยสังคม” เผยแพร่ช่วงกลางเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ระบุถึงเรื่องของชายคนหนึ่ง ชื่อ “นายโอม” อ้างตัวเป็นหลานชายนักการเมือง แต่มีพฤติกรรมหลอกลวงผู้เสียหายจำนวนมากมาย โดยเฉพาะผู้หญิงตกเป็นเหยื่อหลายราย หลังจากไปหลงกลหนุ่มแสบที่เสกสรรปั้นแต่งสารพัดเรื่องราวให้คนที่เล่นแชตด้วยเกิดความสงสารใจอ่อน จนยอมให้เบอร์โทรศัพท์ สุดท้ายเมื่อมีการนัดพบกันก็จะตกเป็นเหยื่อนายโอม ทั้งฉกเงินหรือชิงทรัพย์สิน ฯลฯ หลังมีการเผยแพร่ข้อมูลกันในโลกออนไลน์ก็พบว่ามีคนตกเป็นเหยื่อมากมายบางรายถึงขั้นพลาดพลั้งถูกล่วงละเมิดทางเพศก็มี ก่อเหตุมาตั้งแต่ปี 2551-2555 โดยมีการไปแจ้งความไว้ที่หลายโรงพักด้วยกัน เช่น สน.บางนา แต่ยังไม่มีตำรวจท้องที่ใดจับกุมได้ มีแต่เพียงออก
หมายจับ

หลังจากนั้นบรรดาผู้เสียหายกลุ่มหนึ่งจึงได้เริ่มรวมตัวแลกเปลี่ยนข้อมูลกันแล้วตัดสินใจ นำเรื่องราวไปโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยใช้ชื่อว่า “ตามล่าไอ้โอม” www.facebook.com/omehunter และอีเมล : ome_hunt@hotmail.com ทำให้มีผู้เสียหายที่เคยตกเป็นเหยื่อทยอยแจ้งข้อมูลและเบาะแสต่าง ๆ กระทั่งทาง พล.ต.ต.พิสิฎฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ รอง ผบช.น. สั่งการให้ พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บช.น.และ พ.ต.อ.มานพ น่วมลิวงศ์ ผกก.สส.3 บก.สส. บช.น. วางแผนนำกำลัง ทั้งฝ่ายสืบสวน บช.น. สืบสวน บก.น.5 และ สน.บางนา ช่วยกันแกะรอยไล่ล่าตัว “ไอ้โอม” จากเบาะแสต่าง ๆ โดยเฉพาะข้อมูลที่ได้จากทางอินเทอร์เน็ต
สุดท้ายไอ้โอม ซึ่งมาทราบชื่อภายหลังคือ นายชาคร บุญเชิญ อายุ 33 ปี ภูมิลำเนาอยู่ อ.จอมพระ จ.สุรินทร์ ต้องมาจนมุมเพราะได้โทรศัพท์ไปหลอก นายสุเมธ วิวัฒน์วิชา ช่างภาพนิตยสารแพรว ซึ่งถูกทุบกระจกรถยนต์ขโมยทรัพย์สินในซอยบางขุน นนท์ 29 ท้องที่ สน. บางขุนนนท์ คนร้ายได้ กล้องถ่ายรูป โน้ตบุ๊ก โดยมีไฟล์ที่มีภาพถ่ายศิลปินดัง  “ณเดชน์ คูกิมิยะ” กับ  “ญาญ่า อุรัสยา” ที่จะใช้ลงนิตยสารถูกขโมยไปด้วย ไอ้โอมคงเห็นข้อมูลจากสื่อมวลชน เลยฉวยโอกาสโทรศัพท์ไปสร้างเรื่องว่ามีคนร้ายนำทรัพย์สินดังกล่าวมาจำนำไว้ 6 หมื่นบาท
แต่นายสุเมธ ไม่ตกเป็นเหยื่อง่าย ๆโทรศัพท์ไปปรึกษา พ.ต.อ.นพศิลป์ จากนั้นตำรวจจึงได้วางแผนจับกุมไอ้โอมได้สำเร็จภายในห้องพักย่านลาดพร้าว ยังพบของกลางมากมาย 138 รายการ ไม่ว่าจะเป็น กระเป๋าสะพาย กระเป๋าสตางค์ บัตรประชาชน บัตรของธนาคาร และเอกสาร ใบขับขี่ บัตรข้าราชการ ซึ่งสามารถระบุยืนยันชื่อผู้เสียหายที่ถูกลักทรัพย์ได้จำนวน 66 คน เมื่อขยายผลเพิ่มเติมพบว่า มีผู้เสียหายไปแจ้งความไว้ชัดเจนอีก 8 สน. คือ สน.บางนา ทองหล่อ จระเข้น้อยลุมพินี สุทธิสาร  ปทุมวัน ธรรมศาลา และ บางยี่ขัน สามารถติดต่อผู้เสียหายได้แล้ว 41 ราย อยู่ระหว่างให้ผู้เสียหายมาดูของกลางและมาชี้ตัวคนร้าย นอกจากนี้ในพื้นที่ต่างจังหวัดยังมี สภ.เมืองสุรินทร์, สภ.กาบเชิง จ.สุรินทร์,  สภ.บางกรวย จ.นนทบุรี,  สภ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ ฯลฯ
นอกจากนี้ในช่วงเวลาไล่เลี่ยยังเกิดเหตุลักษณะทำนองเดียวกันขึ้นอีกคือ หลอกลวงเหยื่อทางอินเทอร์เน็ตมาแล้วนับไม่ถ้วน กระทั่งพ.ต.ท.เจิดเกษม ศิริโชติ สว.สส.สน.บางชัน ตามแกะรอยคนร้ายมาดำเนินคดีได้ เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา คือ นายอิศรา หรือ ต้อม สุพร อายุ 22 ปี ภูมิลำเนา ต.บ้านพริก อ.บ้านนา จ.นครนายก ตามหมายศาลจังหวัดมีนบุรี ในข้อหา ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นผู้อื่น และทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัว หรือความตกใจ โดยการขู่เข็ญ จับกุมตัวได้ที่ อ.วิหารแดง จ.สระบุรี พ.ต.ท.เจิดเกษม เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้มีผู้เสียหายหลายรายมาแจ้งความว่า ถูกนายอิศรา หลอกเป็นเพื่อนที่กำลังได้รับความเดือดร้อนและขอให้โอนเงินด่วนเข้าไปให้ในบัญชีธนาคารวิหารแดง จ.สระบุรี แต่ที่น่าตกใจคือ ผู้ต้องหาเรียนจบเพียงชั้นประถมปีที่ 6 แต่ได้หลอกเหยื่อมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2552 ไปแล้วกว่า 60 ราย
สำหรับพฤติกรรมที่ใช้หลอกล่อเหยื่อนั้น นายอิศรา อ้างว่าชนวนเรื่องมาจากผูกใจเจ็บเพราะเคยถูกหลอกขายเบอร์โทรศัพท์ “เลขสวย” ทางอินเทอร์เน็ตมาก่อน ต้องเสียเงินค่าโอนเงินไป 500 บาท จากนั้นเลยวางแผนคิดจะเอาคืนบ้าง จึงไปเปิดหาอ่านข้อมูลในเว็บไซต์กูเกิ้ล โดยพิมพ์คำว่า “หลอกคนยังไงให้หลงเชื่อ” นอกจากนี้ยังคลิกเข้าไปอ่านศึกษาเรื่องราว การใช้จิตวิทยากับมนุษย์ พออ่านอย่างละเอียดแล้วจึงมาทดลองใช้ โดยไปเปิดหาเหยื่อตามเฟซบุ๊ก ไฮไฟว์ และอินสตาแกรม ขอเป็นเพื่อนกับคนอื่น ๆ  ไปทั่ว พอรู้เบอร์โทรศัพท์ก็จะเริ่มโทรฯ ไปหลอกเหยื่อว่าเป็นเพื่อนกำลังเดือดร้อน พยายามใช้วิธีการพูดจนเหยื่อหลงเชื่อและโอนเงินให้มาหลายรายด้วยกัน ครั้งที่หลอกได้เงินมากสุดคือ 1 แสนบาทนั้น โทรฯ ไปหลอกคนแก่ ที่ จ.อุดรธานี นอกจากนี้ยังเคยหลอกเงินหลานชายบิ๊กทหารชื่อดัง แต่สุดท้ายก็ต้องมาจนมุมจากทีวีวงจรปิด บันทึกภาพหลักฐานเอาไว้ได้ขณะไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็ม
นับเป็นภัยสังคมอีกรูปแบบหนึ่ง ที่กำลังผุดราวดอกเห็ด บนโลกออนไลน์ ยิ่งสังคมไทยเป็นคนขี้สงสาร ใจอ่อน พอไปเชื่อใจใครง่ายเกินไปแล้ว ก็อาจจะทำให้พลาดพลั้งเสียที! ตกเป็นเหยื่อเหล่ามิจฉาชีพสารพัดกลุ่มที่ได้แอบแฝงตัวเข้าไปล่าเหยื่อในโลกออนไลน์กันแบบเสรี บรรดาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องเร่ง ตามข้อมูลแก๊งแสบให้ได้ เพื่อหามาตรการป้องกันและเตือนภัยประชาชนให้รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของมิจฉาชีพ!!

ปัญหาที่เกิด
1.หลอกลวงโดยใช้ Social Network ในการล่อลวงไปข่มขืน
สาเหตุของปัญหา
1.ไม่สามารถรู้ตัวตนที่แท้จริงได้ใน Social Network
2.หลงเชื่อโดยไม่ตรวจสอบให้ดีก่อน
ผลกระทบด้านต่างๆ
1.ทำให้โดนหลอกลวงจากมิจฉาชีพ
วิธีการแก้ไข
1.ไม่ควรหลงเชื่อบุคคลต่างๆใน Social Network โดยไม่ตรวจสอบก่อน
2.ถามจากบุคคลต่างๆว่ารู้จักรึปล่าว
 ลิ้งก์ http://www.thaigoodview.com/node/156590

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น